วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

5 อาหารประจำวัน บั่นทอนสุขภาพเกินคาด

 

อาหาร



          คุณอาจไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณกินแต่ของดีมีประโยชน์ บางทีสิ่งที่เรากินเข้าไปอาจเป็นยาพิษบ่อนทำลายทางอ้อมก็ได้ เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง...
มาร์การีน

1.มาร์การีน

          มาร์การีนส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยไขมันแปรรูปที่จะเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอล "เลว" (LDL) ในขณะที่ลดปริมาณคอเลสเตอรอล "ดี" (HDL) ทำให้หลอดเลือดอุดตัน และด้วยปริมาณแคลอรีสูงถึง 100 แคลอรีต่อช้อนชา จึงอาจทำให้ไขมันรอบเอวสะสมมากขึ้น จึงมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อเป็นทางเลือก คุณอาจจะเลือกใช้เนยแบบแคลอรีต่ำหรือแบบลดไขมัน
น้ำอัดลม

2.น้ำอัดลม

          แคลอรีทั้งหมดในน้ำอัดลมมาจากน้ำตาล หรือน้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีฟรักโทสสูง และแคลอรีเหล่านี้ นี่เองที่รับผิดชอบการแพร่ระบาดของ "โรคอ้วน" ในปัจจุบันการดื่มน้ำอัดลมยังสร้างความเสียหายให้ฟัน และทำให้เกิดการก่อตัวของหินปูน นอกจากนี้ ยังเคยมีการศึกษาว่าอาจจะทำให้กระดูกอ่อนแอลงเสียด้วยซ้ำ
นม

3.นม

          นมธรรมดาเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันที่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลเลว กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และอาจจะเป็นปัจจัยทำให้เส้นเลือดอุดตัน หนำซ้ำมักจะมีแคลอรีมากกว่า นมไขมันต่ำด้วย ทางเลือกที่ดีคือ นมขาดมันเนย หรือนมไขมันต่ำ ซึ่งลดสารอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายลง แต่ก็ยังครบถ้วนไปด้วยโปรตีน แคลเซียม วิตามินดี และโพแทสเซียม
ขนมปัง

4.ขนมปังขาว

          ขนมปังขาวนั้นทำมาจากแป้งสาลี ซึ่งใยอาหารและแร่ธาตุจะถูกขัดออกจนหมด ในขณะที่ขนมปังโฮลวีต 100% นั้นดีต่อสุขภาพมากการกินธัญพืชอย่างน้อย 3 หน่วยบริโภคต่อวัน จะช่วยลดความดันโลหิต ลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและเบาหวานประเภทสองได้ด้วย
hotdog

5.ฮอตดอก

          เกือบร้อยละ 80 ของแคลอรีทั้งหมดในฮอตดอกทั่วไปมาจากไขมันอิ่มตัว การกินเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำอาจทำให้มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งลำไส้ ดังนั้น คุณอาจกินเนื้อไก่ไม่ติดมันหรือไส้กรอกไก่แทน จะได้รับไขมันน้อยกว่าแต่มีโปรตีนมากกว่าเยอะ

จาก นิตยสาร Lisa

ระวัง!!!

หมอเตือนซ้ำใส่คอนแทคเลนส์ทำตาอักเสบ





          หมอเตือนอย่าใส่คอนแทคเลนส์มากเกินไปทำให้ตาอักเสบ แนะอย่าใส่เกิน 7 ชั่วโมง ห้ามใส่นอน และควรหลีกเลี่ยงใส่ให้น้อยที่สุดจะดีกว่า

          รองศาสตราจารย์นายแพทย์ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ยกตัวอย่างกรณีที่นักแสดงสาว ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร จากภาพยนตร์เรื่อง ATM เออรัก เออเร่อ เกิดปัญหาทางสายตาเนื่องจากการใส่คอนแทคเลนส์มาพูดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า อาการที่เกิดขึ้นกับนักแสดงสาวนั้นเกิดมาจากภาวะกระจกตาอักเสบซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลานสาเหตุ ได้แก่ ผู้ใส่รักษาความสะอาดไม่ดีจึงติดเชื้อ หรือ เกิดจากการมใส่คอนแทคเลนส์ตลอดเวลา

          โดยการใส่คอนแทคเลนส์นั้นไม่ควรใส่ติดต่อกันเกิน 6-7 ชั่วโมง ห้ามใส่นอนเด็ดขาด และควรใส่ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากกระจกตาเป็นส่วนหน้าของลูกตาที่มีความใส ลักษณะเป็นแผ่นบางเหนียว คลุมอยู่บนตาดำ เป็นส่วนหนึ่งในการรับแสงให้หักเหผ่านเลนส์ตาและตกลงบนจอตา ทำให้มองเห็นภาพชัดเจน ที่กระจกตามีเส้นประสาทรับความรู้สึก ดังนั้น ถ้ากระจกตาถลอกหรือมีแผลจะทำให้ปวดมาก น้ำตาไหล ไม่สู้แสง และกระจกตาต้องการออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงหากมีการปิดกั้นออกซิเจนมาก^ๆ จะทำให้กระจกตาเสื่อม หรือหากเกิดอาการกระจกตาอักเสบหรือติดเชื้อ อาจถึงขั้นต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา

          ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นหรือต้องการใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ต้องรักษาความสะอาดเป็นสำคัญ ล้างมือด้วยสบุ่ก่อนใส่และหลังถอดคอนแทคเลนส์ ควรใส่ก่อนการแต่งหน้าและถอดออกก่อนล้างเครื่องสำอาง ห้ามแลกกันใส่กับผู้อื่น เมื่อพบมีรอยฉีกขาดหรือเกินกำหนดให้ทิ้งทันที หากใส่แล้วมีอาการเคืองตาให้รีบถอด ห้ามใช้น้ำก็อกล้างเลนส์ต้องมีน้ำยาล้างเลนส์โดยเฉพาะ และที่สำคัญห้ามใส่นอนหรือใส่นอนเกินไป

จาก มติชนออนไลน์

10 เคล็ดลับสุขภาพดี

  

     ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องยอดฮิตติดปากของคนไทยทุกวันนี้แล้ว  เห็นได้จากการทำบุญไหว้พระ  คำว่า  "ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง"  กลายเป็นคำอธิษฐานมาแรงแซงหน้าในยุคปัจจุบัน  จึงเป็นเหตุผลให้ผู้คนมากมายในสังคมมองหาหนทางรักษาสุขภาพของตัวเอง  เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยอันนำมาซึ่งความเสียหายและปัญหาอื่นๆ  ตามมามากมาย
     ล่าสุด  นิตยสาร  H  to  H  Magazine  ได้รายงาน  "10  ทิปเพื่อการมีสุขภาพดี"  โดยสนับสนุนข้อมูลจากโรงพยาบาลเปาโล  เมโมเรียล  เราจึงนำมาบอกต่อเพื่อให้คุณๆ  ได้ลองพิจารณา  เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลย

     1.แอปเปิ้ลวันละผล..คำพูดที่ว่า  an  apple  a  day,  keeps  doctor  away  เป็นจริงเสมอ  จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลอนดอนพบว่า  การรับประทานแอปเปิลวันละผลจะทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น  จากแอนติออกซิเดนต์และสารในแอปเปิลที่เรียกว่า  quercetin  ซึ่งช่วยทำให้ปอดแข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นระบบ
     2.หายใจลึกๆ..เราควรหายใจให้ลึกเพื่อขยายการทำงานของปอด   และทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ   แต่ทุกวันนี้เรามักหายใจสั้นๆ   เนื่องจากการทำงานในที่อับทึบ  หรือเพราะความไม่รู้  เพราะฉะนั้นในแต่ละวันลองหายใจลึกๆ  ให้ได้อย่างน้อยวันละ  10  ครั้ง  และต้องเป็นแบบหายใจเข้า  ท้องป่อง  หายใจออก  ท้องแฟบด้วย  จึงจะเรียกว่าถูกวิธี
     3.หลีกเลี่ยงการนำผักเข้าไมโครเวฟ..จากการวิจัยของสเปนพบว่า  การทำผักให้สุกในไมโครเวฟจะทำให้สารอาหารหายไปได้ถึง  97  เปอร์เซ็นต์  เพราะฉะนั้นทางเลือกที่เราควรจะเลือกคือ  การรับประทานผักสดๆ  หลีกเลี่ยงผักแบบไมโครเวฟ  แม้อาหารกล่องอาจให้รสอร่อย  แต่จงรู้ไว้ว่าสารอาหารนั้นไม่มีเหลือแล้ว
     4.ขยับตัวเสมอ..สังเกตไหม   คนที่ขยับตัวอยู่เสมอจะมีระบบย่อยอาหารที่ดีกว่าคนที่เอาแต่นั่ง  วิธีนี้ช่วยป้องกันอาการท้องผูก  รวมไปถึงโรคกระดูกพรุนด้วย
     5.ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว..น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง  มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน  เช่น  โพแทสเซียม  เหล็ก  โซเดียม  แคลเซียม  ฟอสฟอรัส  กรดอะมิโน  และวิตามินบี  แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที  มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย  และมีประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย  เป็นต้น
     6.เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง..ในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง   เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น  การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลต่อการเกิดอาการชักได้
     7.กินส้มช่วยแก้อาการเบื่อหน่ายได้..การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเอง  จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย  และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ  ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดได้ดีออกมาด้วย
     8.การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม..อาหารมื้อเช้าช่วยต่อต้านการแข็งตัวของเลือด   เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ   จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดจะอุดตันมากขึ้น  สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง  สมองจึงค่อยๆ  เสื่อม
     9.ดาร์กช็อกโกแลตต่อต้านอนุมูลอิสระ..รู้ไหมว่า  ช็อกโกแลตชนิดอื่นๆ  แทบไม่มีส่วนผสมของโกโก้เลย  มีเพียงดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นที่เป็นช็อกโกแลตแท้ๆ  และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย  เพราะมีสารเฟลวานอยด์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด  โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ  ในแต่ละวันให้รับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์
     10.สมการความสุข  y=b+c..y  คือ  ความสุข  b  คือ  ความรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุข  อาทิ  มีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นอย่างไร  รู้จักองค์ประกอบของชีวิต  เป็นต้น  c  คือ  ความอยากในชีวิต  หากมีความอยากมากกว่าความรู้ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข  คนคนนั้นก็มีความสุขที่ติดลบ

ที่มา ไทยโพสต์

รู้จักหั่นแครอท..ต้านมะเร็ง

 


ว่ากันว่า “แครอท” มีสารต้านมะเร็งอยู่ในตัวของมัน แต่ว่าถ้าหากเราไม่รู้จักวิธีที่จะนำมารับประทานให้ถูกต้อง แครอทก็ไม่แตกต่างจากผักอื่นๆ ค่ะ
ล่าสุดมีรายงานข่าวบอกว่า นักวิจัยแนะนำอย่าหั่นแครอทเป็นชิ้นๆ ก่อนปรุงอาหาร เพราะจะสูญเสียประสิทธิภาพของสารต้านมะเร็งที่อยู่ในแครอท
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล พบว่า หากนำแครอทมาต้มก่อนหั่นเป็นชิ้น แครอทจะมีสาร “ฟอลคารินอล” ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง มากกว่าหั่นเป็นชิ้นก่อนนำไปต้มถึง 25% สารฟอลคารินอลมีประโยชน์ในการต้านเซลล์มะเร็ง เพราะจากการทดลองกับหนูที่ให้กินสารชนิดนี้พบว่ามีพัฒนาการของเนื้อร้ายลดลง ซึ่งผลการศึกษาจะเสนอต่อที่ประชุมโภชนาการและสุขภาพที่ประเทศฝรั่งเศส
ดร.เคอร์สเทน แบรนด์ท หัวหน้านักวิจัยจากคณะเกษตร อาหารและการพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่า การหั่นแครอทเป็นชิ้นเพิ่มพื้นที่ผิว ซึ่งจะทำให้สารอาหารถูกกรองทิ้งลงไปรวมกับน้ำในขณะประกอบอาหาร แต่ถ้าต้องการให้สารอาหารเหล่านี้ยังคงมีอยู่อย่างเต็มที่ ก็จะต้องหั่นเป็นชิ้นหลังปรุงเสร็จแล้ว
นักวิจัยระบุว่า หนูทดลองที่กินอาหารซึ่งประกอบด้วยแครอท หรือสาร “ฟอลคารินอล” จะมีโอกาสน้อยลงถึง 30% ที่เนื้อร้ายจะพัฒนาเป็นมะเร็งอย่างเต็มที่
นักวิจัยบอกด้วยว่า แครอทเมื่อถูกทำให้ร้อน ความร้อนจะฆ่าเซลล์ ทำให้สูญเสียความสามารถที่จะเก็บน้ำไว้ภายใน แต่สาร “ฟอลคารินอล” จะมีความเข้มข้นขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความร้อนทำให้ผนังเซลล์แครอทอ่อนนุ่ม ทำให้สารอาหารที่สามารถละลายได้ในน้ำ เช่น น้ำตาลและวิตามินซีสูญเสียไปทางพื้นผิวของเนื้อเยื่อ เช่นเดียวกับ “ฟอลคารินอล” ก็จะถูกกรองทิ้งออกไปด้วย และถ้าเราหั่นแครอทก่อนนำมาประกอบอาหารก็จะยิ่งเพิ่มพื้นที่หน้าตัดของเนื้อเยื่อ การสูญเสียสารอาหารก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

จาก ไทยโพสต์

Pitbull - Give Me Everything ft. Ne-Yo, Afrojack, Nayer

Colbie Caillat - I Do

Far East Movement - Rocketeer ft. Ryan Tedder